เวอร์ชันเต็ม: [-- สิคาลชาดกว่าด้วยการทำโดยไม่พิจารณา --]

วัดแก่งกระจาน -> เล่าขานนิทานธรรม -> สิคาลชาดกว่าด้วยการทำโดยไม่พิจารณา [สั่งพิมพ์] เข้าสู่ระบบ -> ลงทะเบียน -> ตอบกลับ -> ตั้งกระทู้

kung 30-03-2011 16:39

สิคาลชาดกว่าด้วยการทำโดยไม่พิจารณา

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ทรงปรารถนาบุตรช่างกัลบกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่เมืองเวสาลี แล้วตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้
ได้ยินว่า บิดาของเขาเป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใสถึงไตรสรณาคมน์ สมาทานศีล ๕ กระทำกิจทุกอย่าง เป็นต้นว่า ปลงพระมัสสุ แต่งพระเกศา ตั้งกระดานสกาแด่พระราชา พระมเหสีพระราชกุมาร และพระกุมารี ยังกาลเวลาให้ล่วงไปด้วยการฟังธรรมของพระศาสดาเนือง ๆ วันหนึ่งบิดาไปทำงานในราชนิเวศน์ พาบุตรของตนไปด้วย บุตรนั้นเห็นนางกุมาริกาแห่งเจ้าลิจฉวีองค์หนึ่ง ในราชนิเวศน์นั้น ประดับประดาด้วยเครื่องอลังการ เปรียบด้วยนางเทพอัปสร ก็มีจิตปฏิพัทธ์ ครั้นออกจากราชนิเวศน์กับบิดาแล้วคิดว่า เมื่อเราได้นางกุมาริกานี้จึงจักมีชีวิตอยู่ เมื่อไม่ได้เราจักตายเสียในที่นี่แหละ จึงอดอาหารนอนซมเซาอยู่บนเตียง
ลำดับนั้น บิดาเข้าไปหาบุตรปลอบโยนว่า ลูกเอ๋ย ลูกอย่าทำความพอใจยินดีในสิ่งที่ไม่สมควรเลย ลูกเป็นคนมีกำเนิดต่ำต้อย เป็นลูกช่างกัลบก ส่วนกุมาริกาของเจ้าลิจฉวี เป็นธิดากษัตริย์ สมบูรณ์ด้วยชาติ นางไม่สมควรแก่เจ้าดอก พ่อชักนำกุมาริกาอื่นที่เหมาะสมด้วยชาติและโคตรมาให้ลูก บุตรมิได้เชื่อถ้อยคำของบิดา ต่อมาญาติและมิตรสหาย คือ มารดา พี่ชายน้องสาว น้า อา ทั้งหมด ประชุมกันชี้แจงก็ไม่อาจให้ยินยอมได้ เขาผอมซูบซีด นอนตายอยู่บนเตียงนั่นเอง
บิดาของเขาครั้นทำฌาปนกิจเสร็จแล้ว เมื่อความโศกสร่างลง คิดว่า เราจักถวายบังคมพระศาสดา จึงถือของหอม มีดอกไม้เป็นต้น และเครื่องลูบไล้เป็นอันมาก ไปป่ามหาวัน บูชาพระศาสดา ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง เมื่อพระศาสดาตรัสถามว่า อุบาสก เพราะอะไรท่านจึงไม่ปรากฏตลอดวัน เขาได้กราบทูลความนั้นให้ทรงทราบ พระศาสดาตรัสว่า อุบาสก บุตรของท่านเกิดพอใจยินดีในสิ่งอันไม่สมควร แล้วถึงความพินาศ มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนบุตรของท่านก็ได้ถึงความพินาศมาแล้ว เมื่อเขาทูลอาราธนา จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาแสดงดังนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในกำเนิดราชสีห์ ณ ป่าหิมพานต์ ราชสีห์นั้นมีน้องชายหกตัว มีน้องหญิงหนึ่งตัว ทั้งหมดอาศัยอยู่ ณ ถ้ำทอง อนึ่ง ที่รชฏบรรพตไม่ไกลจากถ้ำนั้นมีถ้ำผลึกอยู่ถ้ำหนึ่ง ที่ถ้ำผลึกนั้นมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งอาศัยอยู่ ครั้นต่อมาพ่อแม่ของราสีห์ทั้งหลายให้ตายลง ราชสีห์ผู้พี่เหล่านั้น จึงให้นางราชสีห์ผู้น้องอยู่ถ้ำทอง แล้วออกหาอาหาร นำเนื้อมาให้น้อง สุนัขจิ้งจอกเห็นนางราชสีห์นั้น ก็ได้มีจิตปฏิพัทธ์ แต่เมื่อพ่อแม่ของนางราชสีห์ยังไม่ตาย สุนัขจิ้งจอกจึงไม่ได้โอกาส ในเวลาที่ราชสีห์พี่น้องทั้ง ๗ ออกไปหาอาหาร สุนัขจิ้งจอกลงจากถ้ำแก้วผลึก ไปยังประตูถ้ำทอง กล่าววาจามีเลศนัย อันประกอบด้วยโลกามิส เฉพาะหน้านางราชสีห์ว่า นี่แนะแม่ราชสีห์น้อย เรามีสี่เท้า แม้เจ้าก็มีสี่เท้า เจ้าจงเป็นภรรยาของเราเถิด เราจักเป็นสามีของเจ้า เราทั้งสองจักสมสู่อยู่ร่วมกันอย่างบันเทิงใจ ตั้งแต่นี้ไปเจ้าจงร่วมกับเราด้วยอำนาจกิเลส
นางราชสีห์ฟังคำของสุนัขจิ้งจอกแล้วคิดว่า เจ้าสุนัขจิ้งจอกนี้ เป็นสัตว์เลวทรามน่าขยะแขยง คล้ายตัวจัณฑาลในระหว่างสัตว์สี่เท้าทั้งหลาย พวกเราเท่ากับราชตระกูลชั้นสูง สุนัขจิ้งจอกนี้พูดจาไม่งดงาม ไม่เหมาะสมกับเรา เราฟังถ้อยคำชนิดนี้แล้วจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม เราจักกลั้นใจตายเสีย ครั้นแล้วนางราชสีห์ฉุกคิดขึ้นว่า เราตายอย่างนี้ไม่สมควร รอให้พวกพี่ของเรากลับมาเสียก่อน เราเล่าเรื่องให้พี่ ๆ ฟังแล้วจึงจะตาย
ฝ่ายสุนัขจิ้งจอก ครั้นไม่ได้คำตอบจากนางราชสีห์ คิดว่านางไม่เยื่อใยในเราเสียแล้ว เสียใจกลับเข้าไปนอนในถ้ำแก้วผลึก ราชสีห์ตัวหนึ่งฆ่ากระบือและช้างเป็นต้น ตัวใดตัวหนึ่งกัดกินเนื้อและนำส่วนหนึ่งมาให้นางราชสีห์ผู้น้อง กล่าวว่า น้องเคี้ยวกินเนื้อเสียเถิด นางราชสีห์ตอบว่า พี่ ฉันไม่กินดอก ฉันจะตายละ ราชสีห์ถามว่า ทำไมเล่าน้อง นางได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ราชสีห์ผู้พี่ฟัง ราชสีห์ถามว่า เดี๋ยวนี้สุนัขจิ้งจอกมันอยู่ที่ไหนเล่า นางราชสีห์คิดว่าสุนัขจิ้งจอกซึ่งนอนอยู่ในถ้ำแก้วผลึกว่านอนอยู่ในกลางแจ้ง จึงตอบว่า พี่ไม่เห็นหรือ สุนัขจิ้งจอกนี้นอนอยู่กลางแจ้งใกล้เขารชฏบรรพต ลูกราชสีห์ไม่รู้ว่ามันนอนในถ้ำแก้วผลึก สำคัญว่ามันนอนในกลางแจ้ง คิดว่า จักฆ่ามันเสียจึงวิ่งไปโดยกำลังเร็วของราชสีห์ ชนเอาถ้ำแก้วผลึกหัวใจวาย ลูกราชสีห์นั้น หัวใจวายถึงแก่ความตาย ล้มลงที่เชิงเขานั้นเอง ต่อมาราชสีห์อีกตัวหนึ่งมา นางราชสีห์ก็บอกเรื่องราวแก่ราชสีห์เหมือนอย่างเดิม แม้ราชสีห์นั้นก็ทำอย่างเดียวกันนั้นถึงแก่ความตายล้มลงที่เชิงเขา เมื่อพี่น้องทั้งหกตายหมด ราชสีห์โพธิสัตว์กลับมาภายหลัง นางราชสีห์ก็เล่าเรื่องให้ราชสีห์โพธิสัตว์ฟัง เมื่อราชสีห์โพธิสัตว์ถามว่า เดี๋ยวนี้สุนัขจิ้งจอกนั้นมันอยู่ที่ไหน นางก็บอกว่า มันนอนที่กลางแจ้งใกล้ยอดเขารชฏบรรพต ราชสีห์โพธิสัตว์คิดว่า ธรรมดาสุนัขจิ้งจอกทั้งหลายไม่มีที่อาศัยในกลางแจ้ง มันต้องนอนอยู่ในถ้ำแก้วผลึกเป็นแน่ ราชสีห์โพธิสัตว์จึงเดินไปยังเชิงภูเขา เห็นพวกน้อง ๆ ตายหมดหกตัว จึงกล่าวว่า ราชสีห์เหล่านี้คงจะไม่รู้ว่าสุนัขจิ้งจอกนอนในถ้ำแก้วผลึก เพราะไม่มีปัญญาตรวจสอบ เพราะความที่ตัวโง่จึงชนถ้ำตาย ขึ้นชื่อว่าการงานของผู้ไม่พิจารณาแล้ว รีบทำย่อมเป็นอย่างนี้แหละ แล้วกล่าวคาถาแรกว่า :
การงานเหล่านั้น ย่อมเผาบุคคลผู้มีการ
งานอันมิได้พิจารณาแล้ว รีบร้อนจะทำให้สำเร็จ
เหมือนกับของร้อนที่บุคคลไม่พิจารณาก่อนแล้ว
ใส่เข้าไปในปาก ฉะนั้น
อธิบายว่า บุคคลใดประสงค์จะทำการงานใด มิได้พิจารณาคือมิได้สอบสวนโทษในการงานนั้น รีบร้อนตกลง ผลุนผลันปฏิบัติเพื่อรีบทำการงานนั้น การงานทั้งหลายเช่นนั้นย่อมเผาผลาญบุคคลผู้นั้น ผู้มิได้พิจารณาการงานรีบร้อนทำให้สำเร็จ คือทำให้เศร้าโศก ทำให้ลำบาก เหมือนผู้จะบริโภคไม่ได้พิจารณาว่า ของนี้เย็นของนี้ร้อน วางของอันร้อนลงไปในปาก ย่อมลวกปากบ้าง คอบ้าง ท้องบ้างทำให้เศร้าโศก ทำให้ลำบาก ฉันใด การงานทั้งหลายเหล่านั้นก็ฉันนั้น ย่อมเผาบุคคลเช่นนั้น
ราสีห์โพธิสัตว์นั้น ครั้นกล่าวคาถานี้แล้ว จึงพูดว่าน้อง ๆ ของเราไม่ฉลาดในอุบาย คิดว่าจักฆ่าสุนัขจิ้งจอก รีบร้อนผลุนผลันไป ตัวเองจึงตาย ส่วนเราจักไม่ทำอย่างนั้น จักฉีกอกสุนัขจิ้งจอก ซึ่งนอนสะดุ้งอยู่ในถ้ำแก้วผลึกให้จงได้ ราชสีห์โพธิสัตว์สังเกตทางขึ้นลงของสุนัขจิ้งจอกเสร็จแล้ว จึงมุ่งหน้าไปทางนั้น บันลือสีหนาทสามครั้ง อากาศกับผืนแผ่นดินได้มีเสียงกึกก้องเป็นอันเดียวกัน หัวใจสุนัขจิ้งจอกก็แตกทำลาย สุนัขจิ้งจอกถึงแก่ความตายในที่นั้นเอง
ราชสีห์โพธิสัตว์ ครั้นทำให้สุนัขจิ้งจอกถึงแก่ความตายแล้วจึงปกคลุมพวกน้อง ๆ ไว้ในที่แห่งหนึ่ง แล้วแจ้งการตายของราชสีห์เหล่านั้นให้นางราชสีห์ผู้น้องรู้ ปลอบน้อง แล้วอาศัยอยู่ในถ้ำทองจนสิ้นชีพแล้วไปตามยถากรรม
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประกาศสัจธรรม ในเวลาจบสัจธรรมอุบาสกตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล สุนัขจิ้งจอกในครั้งนั้นได้เป็นบุตรช่างกัลบกในบัดนี้ แล้วทรงประชุมชาดกว่า นางราชสีห์ได้เป็นกุมาริกาแห่งเจ้าลิจฉวี น้อง ๆ ทั้งหกได้พระเถระรูปใดรูปหนึ่ง ส่วนราชสีห์พี่ใหญ่ได้เป็นเราตถาคตนี้แล
จบ สิคาลชาดก


เวอร์ชันเต็ม: [-- สิคาลชาดกว่าด้วยการทำโดยไม่พิจารณา --] [-- top --]


Powered by phpwind v8.7 Code ©2003-2011 phpwind
Time 0.024064 second(s),query:1 Gzip enabled